นับตั้งแต่มีสายการบินที่บริการแบบ Low cost airline services หรือค่าบริการถูก ซึ่งบางครั้งราคาถูกมาก แทบจะถูกกว่ารถโดยสารปรับอากาศบางสายซะอีก ผมก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องหาโอกาสสัมผัสกับการเดินทางที่ครั้งหนึ่งในชีวิตคิดว่าจะไม่สามารถจะเดินทางด้วยวิธีนี้ เนื่องด้วยว่ามันมีราคาค่าบริการที่สูงมาก(ในสมัยเริ่มแรก)
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางภายในประเทศนะครับ (ครั้งหน้าถ้าไปต่างประเทศจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ) เพื่อไปเยี่ยมเยือนรุ่นพี่ที่เคารพ และไม่ค่อยได้พบเจอกัน เป็นการรวมรุ่นน้อง ๆ ไปด้วยกันหลายคน (ถ้าเดินทางคนเดียวน่าจะเปิ่นได้อีกมากมาย) โดยทางกลุ่มรุ่นน้อง เป็นผู้จัดการในการจองเที่ยวบินให้ และนัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง คนป่าอย่างเรามีหน้าที่เดินทางไปให้ถึงที่สนามบินก็พอ
เช้าวันที่ 8 พฤษภาคม การเดินทางก็มาถึง ผมรีบจับรถตู้จากบ้านนอกเข้าสู่เมืองกรุงตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้ทันเที่ยวบินในตอนสาย เวลา 11.40 น. เป็นเที่ยวบินที่ FD-3239 ของ Air Asia ออกเดินทางจากกรุงเทพ ไป สุราษฎร์ธานี แต่มันเป็นภาวะความตื่นเต้น หรือการคำนาณระยะเวลาเดินทางที่ผิดพลาดก็ไม่สามารถจะบอกได้ ผมเดินทางไปถึงสนามบินตั้งแต่ยังไม่เคารพธงชาติเลย ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าสนามบินดอนเมืองซักพักใหญ่ ๆ สายตาพลันเหลือบไปเห็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ เลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้จัดการอาหารเข้าไปสู่ร่างกายเลย เลยจัดการข้ามถนน 8 เลน กับทางรถไฟ และถนนอีก 2 เลน ไปซื้ออาหารในร้านสะดวกซื้อ แล้วก็ข้ามกลับมานั่งจัดการกับอาหารที่หน้าสนามบินอย่างหิวกระหาย จัดการอาหารเรียบร้อย เริ่มมีความคิดโลดแล่น จับโทรศัพท์มาเช็ค Line group จัดการสอบถามว่ามีใครมาถึงสนามบินแล้วบ้าง ได้ข่าวดีว่ามีน้องมาถึงแล้ว 2 คน แต่คนนึงกลัวว่าจะตกเที่ยวบิน (จริงหรือเปล่าไม่ทราบได้) ทำการเช็คอินเข้าไปด้านในห้องรับรองผู้โดยสารซะแล้ว เอาน่าไม่เป็นไรเหลือรุ่นน้องอีก 1 คน ก็ทำการนัดหมายเจอกัน ด้วยความที่เป็นคนป่า กว่าจะเจอกันได้รุ่นน้องคนนั้นเลยต้องบอกว่า
"พี่ ๆ พี่อยู่กับที่เลย เดี๋ยวผมเดินหาพี่เอง" ฮ่าฮ่า ฮาไปซิครับท่าน
หลังจากที่หากันจนเจอเลยนั่งละเลียดกาแฟกันอย่างมีความสุข เนื่องจากไม่ได้พบกันนานมากแล้ว ละเลียดไปละเลียดมาก็มีสมาชิกเดินทางมาเพิ่มเติมตามที่นัดหมาย ประมาณ 10 โมงกว่า ๆ น้องคนที่มาก่อนจำเป็นต้องขึ้นไฟท์เดินทางไปก่อนเพราะว่าจองคนละเที่ยวบินกับกลุ่มเรา แต่จุดหมายปลายทางเดียวกันคือ สุราษฎร์ธานี
หลังจากรวบรวมชนกลุ่มน้อย เอ๊ย กลุ่มรุ่นพี่รุ่นน้องได้ครบกันแล้ว ถึงเวลาต้องทำการ เช็คอิน (Check-in) เพื่อแจ้งทางสายการบินว่าพวกเรามาแล้ว มีสัมภาระอะไรบ้าง ถึงขั้นตอนนี้มีข้อปลีกย่อยไว้ให้ศึกษานะครับ
ข้อห้าม
การเดินทางโดยเครื่องบินมีข้อห้ามหลายอย่าง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ผมจะพูดถึงกฎทั่วไปของทุกสายการบิน ส่วนกฎของแต่ละสายการบิน เช่นน้ำหนักกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง จำนวนสัมภาระติดตัว ฯลฯ ให้ดูได้จากเวบไซต์ของสายการบิน ควรศึกษาก่อนขึ้นเครื่อง
- ห้ามนำของเหลวถือขึ้นเครื่องเกินชิ้นละ 100 ml (ml, cc, g ให้ถือเป็นค่าเดียวกัน) หากมีความจำเป็นต้องนำของเหลวติดตัวไปด้วยเช่นพวกแชมพู สบู่เหลว ให้ใช้วิธีแบ่งใส่ขวดเล็กๆ หรือถุงใสที่มีปริมาตรไม่เกิน 100 ml โดยวิธีนี้เราสามารถนำของเหลวติดตัวรวมกันแล้วไม่เกิน 1,000 ml ขนาดของของเหลวจะยึดจากฉลากบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก เช่น ครีม ที่ฉลากติดไว้ว่า 120 ml ถึงแม้ว่าจะใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่งก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ เพราะปริมาตรที่ฉลากระบุไว้เกิน 100 ml ของเหลวที่มีปริมาณเกินที่ระบุไว้จะต้องถูกทิ้งขยะ แต่ในกรณีของเหลวโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่องจะไม่จำกัดปริมาณ
- ห้ามนำของมีคม วัตถุไวไฟ อาวุธ ถือขึ้นเครื่อง เช่นกรรไกร มีด คัทเตอร์ ดอกไม้ไฟ ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจเจอจะต้องถูกทิ้งขยะ
- น้ำหนักกระเป๋า – สัมภาระขึ้นเครื่อง สายการบิน Air asia ให้นำกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 56?36x23 cm สำหรับกระเป๋าถือของผู้หญิงหรือกระเป๋ากล้องสามารถนำติดตัวไปได้โดยไม่นับว่าเป็นสัมภาระ และถ้ามีสัมภาระโหลดใส่ใต้ท้องเครื่องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะครับ สายการบิน Nok Air (Nok Economy) ให้โหลดกระเป๋าได้คนละ 15 กิโลกรัม ส่วนสายการบินอื่น ๆ เข้าดูได้จากเวบไซต์ของสายการบิน
เอาล่ะให้ข้อมูลพอเป็นที่เข้าใจก็มาถึงบทบาทของกลุ่มเราบ้าง เดินจับกลุ่มกันไปเป็นที่สนุกสนาน จัดเตรียมบัตรประชาชน เพื่อแสดงตัวว่าชั้นเนี่ยตัวจริงนะยะ พร้อมด้วยใบรายละเอียดการเดินทาง ( Itinerary) จัดการวางกระเป๋าลงบนสายพานเครื่องชั่งน้ำหนัก และสแกน พระเจ้า..!!..ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นกับคนป่าครับ!! เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีอุปกรณ์สำรองไฟสำหรับโทรศัพท์มือถือถึง 4 อัน ให้จัดการนำมันออก แล้วพกติดตัวขึ้นเครืองไปเองจะนำมาใส่ในสัมภาระโหลดไม่ได้
จะเอามาทำไมเยอะหนักหนา ฮาซิครับพี่น้อง พอดีมีน้อง ๆ เค้าฝากไว้ เพราะกระเป๋าผมมันมีพวกของเหลวเยอะ เลยจะทำการโหลดไว้ใต้เครือง น้อง ๆ เลยรุ่มกันฝากของไว้ในกระเป๋าคนป่าอย่างผม ยกเว้นรุ่นน้องอีกคนหนึ่งมัวแต่ยกเบียร์ดื่ม แซวคนโน้นที คนนี้ที นึกขึ้นได้ก็ฝากแต่พวงกุญแจกับมีดพับอเนกประสงค์ แต่ลืมฝากพวกครีมอาบน้ำ ยาสีฟัน สบู่เหลว อะไรจำพวกนี้ เมื่อทำการเช็คอิน (Check-in) ก็ได้รับ บัตรโดยสาร หรือใบผ่านขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) นำไปแสดงให้เจ้าหน้าที่หน้าประตูทางเข้าสู่ห้องพักผู้โดยสารด้านในเพื่อรอขึ้นเครื่อง แล้วปัญหาที่สองก็เกิดกับน้องคนที่ไม่ได้ฝากของเหลวต่าง ๆ ใส่ในกระเป๋าผมเพื่อโหลดไว้ใต้ท้องเครื่องบิน เพราะขั้นตอนนี้มีการสแกนอีกครั้ง อย่างละเอียด ขอย้ำนะครับว่าอย่างละอียด ไอ้เจ้าบรรดาครีมต่าง ๆ ที่ขนมา เจ้าหน้าที่สั่งให้ทิ้งลงถังขยะให้หมดห้ามนำขึ้นเครื่องโดยเด็ดขาด เรียกเสียงหัวเราะ คำแซวจากบรรดาเพื่อน ๆ ได้มากมาย
"ไอ้__มันรวยวะ มันซื้อครีมมาทิ้งที่สนามบิน"
หลังจากผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ตามระเบียบของสนามบิน และสายการบินที่เราจะบินแล้ว ก็นั่งรอครับ รอเหมือนเรารอรถโดยสารไปต่างจังหวัดครับ แต่ภายในอาคารที่รอนั้นมีร้านค้าให้จับจ่ายอยู่รอบห้องเลย กลุ่มเราไปกัน 8 คน เข้าไปรวมกับน้องคนที่เข้าไปตั้งแต่เช้าแล้วอีก 1 คน รวมเป็น 9 คนเอาล่ะเลขสวยเลยสำหรับการเดินทางครั้งนี้
เล่ามาตั้งนานแล้วถึงเวลาที่รอคอยซะที เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นประจำที่นั่งบนเครื่อง เอาวะได้เห็นภายในเครื่องบินซะที นั่นคือความคิดแรกของคนป่า บ้านนอกอย่างผม เดินแบกกระเป๋าที่นำติดตัวขึ้นเครื่องไปตามทางที่เป็นช่องทางเดินโดยช่องทางเดินนั้นลักษณะคล้าย ๆ งวงช้าง มีการขับเคลื่อนเพื่อให้เชื่อมต่อกับประตูของเครื่องบิน เมื่อถึงจะมีพนักงานตอนรับกล่าวต้อนรับอยู่บนเครื่อง และบอกตำแหน่งที่นั่งให้กับผู้โดยสาร ที่นั่งของสายการบิน Low cost จะคล้าย ๆ กับที่นั่งของรถโดยสารปรับอากาศทั่ว ๆ ไป มี่ที่นั่งฝั่งละ 3 แถว โดยมีตัวอักษรภาษาอังกฤษผสมกับตัวเลข เช่น A13 D15 เป็นต้น ที่นั่งที่มีอักษร A กับ F จะนั่งติดหน้าต่างเครื่อง ความรู้สึกขณะนี้เหมือนเราอยู่บนรถโดยสารปรับอากาศ เมื่อได้ที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว (อ้อลืมบอกไปครับย้ายที่นั่งไม่ได้ครับที่นั่งจะนั่งตามชื่อของบุคคลที่จองเพื่อตรวจสอบผู้โดยสาร แต่ถ้าเครื่องจะออกหรือเรามากันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแบบกลุ่มของพวกเราก็มั่ว ๆ ไป ฮ่า) พนักงานต้อนรับก็จะเดินตรวจความเรียบร้อย แล้วปิดประตูเครื่อง แจ้งกัปตัน เพื่อเตรียมที่จะออกเดินทางช่วงนี้จะมีไฟให้รัดเข็มขัดสว่างขึ้นตรงที่เป็นที่วางกระเป๋าด้านบนเหนือศีรษะ พนักงานต้อนรับบนเครื่องจะประกาศให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัด ปรับเบาะให้ตั้งตรง และแจ้งรายละเอียดเที่ยวบิน เผื่อจะมีผู้โดยสารขึ้นมาผิดไฟท์ ฮ่า
ความรู้สึกเหมือนนั่งรถโดยสารหายไปเมื่อเครื่องเริ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่ทางวิ่ง และเริ่มเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อทำการยกตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า ตัวเครื่องเริ่มสั่น และมีแรงยก ความรู้สึกเหมือนเราขึ้นลิฟต์ เครื่องจะทำการไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่เครื่องบินโดยสารใช้เดินทางตามที่สถานีภาคพื้นแจ้งกับกัปตัน
ในระหว่างที่เครื่องบินทำการไต่ระดับอยู่นั้น พนักงานต้อนรับบนเครื่องก็จะทำการสาธิตอุปกรณ์ต่าง ๆ บนเครื่องให้เราได้รับทราบ เผื่อไว้เวลามีเหตุฉุกเฉิน (ภาวนาไว้ว่าอย่ามีเลยนะ)
เมื่อเครื่องอยู่ในระดับเดินทางไฟให้รัดเข็มขัดก็จะดับลง และก็จะมีเสียงหล่อ ๆ ของกัปตันประกาศให้เราทราบว่าเดินทางอยู่กับกัปตันท่านใด ผู้ช่วยกัปตันชื่ออะไร เดินทางจากไหนไปไหน ถึงเวลาเท่าไหร่ อากาศสถานที่ ๆ เราจะไปเป็นอย่างไรในขณะนี้ และพนักงานต้อนรับก็จะนำสินค้ามาเดินจำหน่ายให้ผู้โดยสาร มีทั้งอาหาร น้ำดื่ม เสื้อ ของที่ระลึก ฯลฯ
บรรยากาศถ้าเดินทางกลางวันจะมองเห็นทิวทัศน์รอบ ๆ เครื่อง เป็นทิวเฆมที่สวยงาม เห็นแผ่นดินไกล ๆ ลิบ ๆ ท้องน้ำ ท้องทะเล เพลิดเพลินดี ถ้าไม่มีอาการตกหลุมอากาศ อาการตกหลุมอากาศ เหมือนเราเดินอยู่ หรือนั่งอยู่ แล้วตกลงสู่เบื้องล่าง แล้วยกตัวขึ้นมาใหม่ทันที กลุ่มพวกเราก็สนุกสนานกันไปเป็นที่เฮฮา
และแล้วก็มาถึงบทสุดท้ายที่จะอยู่กันบนเครื่องเมื่อมีไฟเตือนให้รัดเข็มขัด และกัปตันแจ้งว่าเราจะถึงที่หมายภายในกี่นาที และกำลังจะนำเครื่องลง พนักงานจะมาตรวจว่าเรารัดเข็มขัดหรือยัง ปรับที่นั่งให้ตั้งตรงหรือยัง เหมือนตอนที่เครื่องกำลังขึ้น ความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังขับรถลงสะพานแต่เป็นสะพานที่ยาวมาก ถ้ากัปตันฝีมือเยี่ยมการนำเครื่องลงก็จะไม่มีความรู้สึกว่ากระแทกแต่อย่างใด เพียงแต่รู้สึกถึงการสัมผัสของล้อกับพื้นทางวิ่ง
เมื่อเครื่องจอดสนิท มีงวงช้างทางเดินมาต่อเชื่อมที่ประตูเครื่อง และประตุก็จะเปิดออกให้เราได้ลงจากเครื่อง ใครที่โหลดกระเป๋าไว้ใต้เครื่องก็เดินไปรอที่สายพานกระเป๋าเพื่อรับกระเป๋าของตัวเอง ส่วนใครที่นำกระเป๋าติดตัวขึ้นเครื่องมาก็เดินทางออกจากอาคารสนามบินเพื่อเดินทางต่อได้เลย กลุ่มของพวกเรามีรุ่นพี่นำรถมารับเราที่สนามบินเลย..... "สวัสดีนะสุราษฎร์ธานี"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น